โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เส้นเลือดในสมองตีบเป็นอันตราย
ศูนย์ : ศูนย์สมองและระบบประสาท
บทความโดย : นพ. ชาญวิทย์ อนุเคราะห์วิทยา

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจนำไปสู่ความพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้ โรคนี้เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ อันเนื่องมาจากเส้นเลือดในสมองตีบ อุดตันหรือเส้นเลือดแตก ซึ่งส่งผลให้สมองบางส่วนขาดออกซิเจนและได้รับความเสียหาย ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำให้เซลล์สมองค่อย ๆ ตายลง หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการ แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด (FAST) ให้สงสัยว่าเป็นอาการโรคหลอดเลือดสมอง อย่าวางใจ รีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพราะสมองรอไม่ได้!!! ศูนย์สมองและระบบประสาท รพ.นครธน ยกระดับการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองครบวงจร เพื่อชีวิตของผู้ป่วย
สารบัญ
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) คืออะไร?
- สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง
- ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
- โรคหลอดเลือดสมอง มีอาการอย่างไร
- ภาวะแทรกซ้อนจากโรคหลอดเลือดสมอง
- การตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุโรคหลอดเลือดสมอง
- การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง
- การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
- โรคหลอดเลือดสมอง รู้เร็ว ป้องกันได้ รักษาทัน
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) คืออะไร?


โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้เซลล์สมองขาดออกซิเจนและสารอาหาร ทำให้เนื้อสมองบางส่วนเสียหายหรือหยุดทำงาน ซึ่งอาจนำไปสู่ความพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยโรคหลอดเลือดสมอง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- โรคเส้นเลือดสมองตีบหรืออุดตัน หรือ Ischemic Stroke คือ ภาวะเกิดจากลิ่มเลือดหรือคราบไขมันไปอุดตันหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมอง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด
- โรคหลอดเลือดสมองแตก หรือ hemorrhagic stroke คือ ภาวะเกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลออกไปในเนื้อสมองหรือล้อมรอบสมอง ส่งผลให้เกิดแรงดันในสมองและเนื้อสมองถูกทำลาย
สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมอง ทำให้สมองขาดเลือดและออกซิเจน ส่งผลให้เซลล์สมองเสียหายและเกิดอาการต่าง ๆ ตามมา โดยสาเหตุหลัก ๆ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
- เส้นเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 80% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง แล้วเส้นเลือดในสมองตีบเกิดจากอะไร โดยมีสาเหตุดังนี้
- ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว เกิดจากการสะสมของไขมันและตะกอนต่าง ๆ ที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
- ลิ่มเลือดอุดตัน (Thrombosis) เกิดจากลิ่มเลือดที่ก่อตัวในหลอดเลือดสมองเอง หรือจากบริเวณอื่นของร่างกายหลุดลอยมาอุดตันหลอดเลือดสมอง
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Atrial Fibrillation) ทำให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจ และอาจหลุดไปอุดตันหลอดเลือดสมองได้
- หลอดเลือดสมองแตก (hemorrhagic stroke) พบได้ประมาณ 20% แล้วเส้นเลือดในสมองแตกเกิดจากอะไร โดยมีสาเหตุดังนี้
- ความดันโลหิตสูง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลอดเลือดในสมองเปราะบางและแตกได้ง่าย
- หลอดเลือดสมองโป่งพอง (Aneurysm) ผนังหลอดเลือดอ่อนแอและโป่งพอง หากแตกออกจะทำให้มีเลือดออกในสมอง
- ความผิดปกติของหลอดเลือดสมองแต่กำเนิด (Arteriovenous Malformation - AVM) หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำเชื่อมต่อกันผิดปกติ ทำให้หลอดเลือดเปราะบางและเสี่ยงต่อการแตก
- สาเหตุอื่น ๆ ที่อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองได้เช่นกัน อาทิ
- การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะก็อาจทำให้หลอดเลือดในสมองแตก
- ความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุม
- ความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น เส้นเลือดโป่งพอง (aneurysm) หรือความผิดปกติของหลอดเลือดแต่กำเนิด (arteriovenous malformation - AVM)
ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
- อายุที่มากขึ้น
- เพศชายมีความเสี่ยงสูงกว่าเพศหญิง
- ประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
- เชื้อชาติ (บางเชื้อชาติมีความเสี่ยงสูงกว่า)
- ความดันโลหิตสูง
- โรคเบาหวาน
- ไขมันในเลือดสูง
- โรคหัวใจ (เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ)
- การสูบบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
- โรคอ้วน
- การขาดการออกกำลังกาย
- ภาวะเครียด
- การใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด หรือฮอร์โมนบำบัด

โรคหลอดเลือดสมอง มีอาการอย่างไร
โรคหลอดเลือดสมอง ที่มีเส้นเลือดในสมองตีบ แตก หรืออุดตัน สามารถสังเกตอาการได้ตามหลักอาการสโตรก F.A.S.T ดังนี้
- F = Face ใบหน้ามีอาการหน้าชา ปากเบี้ยว มุมปากตก กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก
- A = Arm แขน ขา อ่อนแรง เดินเซ ทรงตัวลำบาก อย่างเฉียบพลัน มักจะเป็นซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย
- S = Speech การพูด มีลักษณะพูดไม่ออก ลิ้นแข็ง หรือ พูดไม่ชัดอย่างทันทีทันใด
- T = Time เวลาที่เริ่มมีอาการ คือ รู้ว่าเริ่มมีอาการผิดปกติ หรือนับจากเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการปกติเป็นครั้งสุดท้าย และรีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อการตรวจวินิจฉัย และรักษา ให้ทันภายใน 4.5 ชม.
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคหลอดเลือดสมอง
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคหลอดเลือดสมอง เป็นผลที่ตามมาจากการที่สมองบางส่วนถูกทำลาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้โดยภาวะแทรกซ้อนสามารถแบ่งได้เป็นหลายด้าน ดังนี้
- ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท
- อัมพฤกษ์–อัมพาตแขน ขา หรือใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรงหรือเคลื่อนไหวไม่ได้
- สูญเสียการพูดหรือเข้าใจภาษา มักเกิดเมื่อสมองซีกซ้ายได้รับผลกระทบ
- สูญเสียการทรงตัวหรือการประสานงาน ทำให้เดินลำบาก หกล้มบ่อย
- ชัก โดยเฉพาะหลัง Stroke ชนิดเลือดออกในสมอง
- ภาวะสมองเสื่อมหรือสับสน หรืออาจเกิดอัลไซเมอร์ตามมาได้ จากความเสียหายของสมองบริเวณที่ควบคุมความจำและการคิด
- ภาวะแทรกซ้อนทางกายภาพอื่น ๆ
- แผลกดทับ จากการนอนติดเตียงนานโดยไม่ขยับตัว
- กลืนลำบาก เสี่ยงสำลักอาหารและติดเชื้อในปอด
- ติดเชื้อทางเดินหายใจหรือทางเดินปัสสาวะ พบบ่อยจากการใส่สายสวนหรือการกลืนลำบาก
- ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (DVT) โดยเฉพาะขา จากการเคลื่อนไหวน้อย
- ปัญหาทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูกหรือภาวะกลั้นอุจจาระไม่ได้
- ภาวะแทรกซ้อนทางจิตใจ
- ภาวะซึมเศร้าหลัง Stroke พบบ่อยและอาจทำให้การฟื้นตัวช้าลง
- ความวิตกกังวล หรือ ภาวะเครียดเรื้อรัง
- การสูญเสียความมั่นใจและการเข้าสังคม
การตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุโรคหลอดเลือดสมอง
- การตรวจร่างกายเบื้องต้น การซักประวัติอาการของผู้ป่วย เช่น ชา แขนอ่อนแรง พูดไม่ชัด หน้าเบี้ยว ฯลฯ
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาล ไขมันในเลือด ตรวจการแข็งตัวของเลือด (กรณีสงสัยมีเลือดออก) ตรวจการทำงานของไตและตับ
- การตรวจทางภาพถ่ายรังสี เช่น การทำ CT Scan ใช้ดูว่ามีเลือดออกในสมองหรือไม่ สามารถแยกชนิดของ Stroke ได้เบื้องต้น หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI brain) แสดงภาพของสมองได้ชัดเจน เหมาะสำหรับวินิจฉัยระยะเริ่มต้นของโรคหลอดเลือดสมองตีบ
การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง


การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) จะขึ้นอยู่กับ ชนิดของโรค ว่าเป็นแบบ โรคหลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน หรือหลอดเลือดสมองแตก โดยเป้าหมายหลักคือการช่วยชีวิต ลดความเสียหายของสมอง และป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก
1. โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) สามารถรักษาได้ 2 วิธี ได้แก่
- การรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) จะใช้ในกรณีผู้ป่วยมาพบแพทย์ภายในระยะเวลาไม่เกิน 4.5 ชั่วโมงนับจากมีอาการ และพิจารณาความเหมาะสมของร่างกายผู้ป่วยแล้ว โดยแพทย์จะทำการฉีดยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ เพื่อละลายลิ่มเลือดที่ปิดกั้นหลอดเลือดอยู่ออกเพื่อช่วยให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองอีกครั้ง
- การใส่สายสวนลากลิ่มเลือด (Clot Retrieval) กรณีเส้นเลือดที่ตีบหรืออุดตันเป็นเส้นเลือดใหญ่ โดยการใส่สายสวนเข้าทางหลอดเลือดแดงใหญ่พร้อมขดลวดที่ขาหนีบไปจนถึงจุดที่เกิดการอุดตัน แล้วดึงเอาลิ่มเลือดที่อุดตันออกจากหลอดเลือดสมอง เพื่อเปิดรูของหลอดเลือด โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ด้วยเครื่องไบเพลน ดีเอสเอ Biplane DSA ซึ่งเป็นนวัตกรรมการที่ช่วยให้แพทย์สามารถทำหัตถการได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัยต่อผู้ป่วย โดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาได้ทันท่วงที และฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
2. โรคหลอดเลือดสมองแตก (hemorrhagic stroke) จะต้องการควบคุมปริมาณเลือดที่ออกด้วยการรักษาระดับความดันโลหิต โดยให้ยาลดความดันโลหิต เพื่อป้องกันการแตกซ้ำ พร้อมทั้งหาสาเหตุของเส้นเลือดในสมองแตก กรณีที่เลือดออกมาก แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัด เพื่อป้องกันความเสียหายต่อสมอง โดยการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเลือดที่ออกภายในสมองและขนาดของก้อนเลือด
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมอง จะไม่เหมือนเนื้องอกในสมอง หรือ ไมเกรน ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย รองจากโรคมะเร็ง นอกจากการตรวจสุขภาพเป็นประจำแล้ว การดูแลสุขอนามัยของตนเองก็สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เส้นเลือดในสมองตีบ แตกหรืออุดตันได้ เช่น
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ หรืออาหารที่มีเส้นใยมาก
- ลดอาหารรสเค็ม อาหารคอเลสเตอรอลสูง อาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง
- ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์
- กรณีมีความดันโลหิตสูง ควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นระยะและรับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
- หยุดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำเสมอ
โรคหลอดเลือดสมอง รู้เร็ว ป้องกันได้ รักษาทัน
ศูนย์สมองและระบบประสาท รพ.นครธน ยกระดับการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองครบวงจร เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย ตั้งแต่การตรวจคัดกรองค้นหาสาเหตุ ตลอดจนการรักษาอาการต่าง ๆ ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลที่หอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Unit) โดยมีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านสมองและระบบประสาท แพทย์เฉพาะทางรังสีร่วมรักษา และศัลยแพทย์ ที่มีความชำนาญการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง พร้อมดูแลและรักษาผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายผู้ป่วย ตั้งแต่การฝึกกลืน การทำกายภาพบำบัด ร่วมกับการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (TMS) และการฝึกกล้ามเนื้อมือด้วยหุ่นยนต์ฝึกมือ Hand Robotic ควบคู่กับการกระตุ้นสมองด้วยกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน TDCS เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สมองและระบบประสาท